เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน หนึ่งในปัญหาใหญ่ระดับโลกคือการที่รัสเซียยึดเมืองท่าและปิดน่านน้ำทะเลดำเอาไว้ ทำให้ยูเครน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหารและธัญพืชรายใหญ่ของโลก จนได้ฉายาว่า “เตาอบของยุโรป” ไม่สามารถส่งออกอาหารได้ กระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก ส่งผลให้ราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น

ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สหประชาชาติและตุรกีได้เป็นคนกลางเจรจาในข้อตกลงเปิดเส้นทางส่งออกอาหาร ภายใต้ชื่อ “ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ”

ยูเครนส่งออกข้าวโพด ข้าวสาลี และธัญพืชอื่น ๆ มากกว่า 32 ล้านตันภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว โดยเรือลำสุดท้ายออกจากยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.ค.) ที่ผ่านมา

แต่ล่าสุดข้อตกลงดังกล่าวได้หมดอายุลงแล้ว และรัฐบาลรัสเซียออกมาประกาศว่า “จะยุติการมีส่วนร่วมในข้อตกลงดังกล่าว” เนื่องจากเดิมทีในข้อตกลงมีการระบุถึงการอำนวยความสะดวกในการขนส่งอาหารและปุ๋ยของรัสเซีย แต่รัสเซียอ้างว่าไม่มีการปฏิบัติจริง

“ปูติน” จ้องเอาคืนยูเครน หลังเหตุถล่มสะพานไครเมียเป็นครั้งที่ 2

เกิดเหตุคล้ายระเบิดบริเวณสะพานเชื่อมไครเมีย-รัสเซีย เสียชีวิต 2 ราย

“ปูติน” ชี้ สหรัฐส่งคลัสเตอร์บอมบ์ให้ยูเครน คือ “อาชญากรรม”

เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ข้อตกลงจะสิ้นสุดลงว่า รัสเซียจะกลับไปร่วมในข้อตกลงทันที หากข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซียได้รับการตอบสนอง

“ข้อตกลงทะเลดำยุติลงแล้วในวันนี้ น่าเสียดายที่ส่วนหนึ่งของข้อตกลงทะเลดำในส่วนที่เกี่ยวกับรัสเซียยังไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้นผลของมันจึงยุติลง” เปสคอฟกล่าว

ด้าน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ประเทศของเขาพร้อมที่จะส่งออกธัญพืชต่อไป “แม้ไม่มีสหพันธรัฐรัสเซีย ทุกอย่างต้องทำให้เสร็จเพื่อให้เราสามารถใช้เส้นทางน่านน้ำทะเลดำนี้ได้ เราไม่กลัว เราได้รับการทาบทามจากบริษัทที่เป็นเจ้าของเรือ พวกเขากล่าวว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะดำเนินการจัดส่งอาหารและธัญพืช”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

การยุติข้อตกลงส่งออกธัญพืชมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัสเซียกล่าวว่ายูเครนได้โจมตีสะพานที่เชื่อมกับคาบสมุทรไครเมียที่ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย และมีเด็กบาดเจ็บ 1 คน

ทั้งนี้ เปสคอฟกล่าวว่า การตัดสินใจไม่ต่อสัญญาข้อตกลงไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีสะพานไครเมีย

ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในวันนี้ว่า เขาเสียใจที่รัสเซียตัดสินใจยุติข้อตกลง พร้อมเสริมว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะ “กระทบต่อผู้ต้องการความช่วยเหลือทุกที่”

“ผู้คนหลายร้อยล้านคนต้องเผชิญกับความหิวโหย และผู้บริโภคกำลังเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพทั่วโลก พวกเขาจะต้องชดใช้” กูเตอร์เรสบอก

ส่วนทำเนียบขาวของสหรัฐฯ กล่าวว่า การระงับข้อตกลงส่งออกธัญพืชของรัสเซีย “จะทำให้ความมั่นคงด้านอาหารแย่ลงและเป็นอันตรายต่อคนนับล้าน”

แอนโทนี บลินเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกการกระทำดังกล่าวว่า “ไร้เหตุผล”

ในขณะเดียวกัน สหราชอาณาจักรก็ประณามการตัดสินใจของรัสเซีย โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า “โดยการบังคับยุติข้อตกลงัญพืชทะเลดำเพียงฝ่ายเดียว รัสเซียได้ใช้อาหารเป็นอาวุธและป้องกันไม่ให้ธัญพืชเข้าถึงผู้ที่ต้องการ … สหราชอาณาจักรขอประณามความพยายามอย่างโจ่งแจ้งของรัสเซียที่จะทำร้ายผู้ที่อ่อนแอที่สุดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามที่ผิดกฎหมาย รัสเซียต้องต่ออายุข้อตกลงและมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่”

ด้าน จาง จุน เอกอัครราชทูตสหประชาชาติของจีน แสดงความหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะสามารถหาทางออกได้ “เรายังคงหวังว่า ด้วยการรองรับข้อกังวลของทุกฝ่าย … แล้วเราจะสามารถหาทางออกได้”

เรียบเรียงจาก Al Jazeera

ภาพจาก AFP